ผิวหนังของเราจะบางลงเมื่ออายุมากขึ้น เนื่องจากปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด และปัจจัยภายใน คือ คอลลาเจน(Collagen), อีลาสติน (Elastin), ไกลโคอะมิโนไกลแคน (Glycoaminoglycans) ซึ่งเป็นสารประกอบในชั้นหนังแท้ ลดจำนวนลง ทำให้ผิวแห้ง บางลง และขาดความยืดหยุ่น ปลายจมูกของเราก็ได้รับผลกระทบนี้ด้วยเช่นกัน ศัลยแพทย์จึงต้องคำนึงถึงจุดนี้ในการเสริมจมูก เพื่อให้สวยงามและปลอดภัย โดยเนื้อเยื่อเทียมก็มีบทบาทสำคัญที่จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานี้ รวมถึงปัญหาเนื้อน้อยเนื้อบางที่ไม่เกี่ยวกับอายุอีกด้วย
เนื้อเยื่อเทียม หรือ Acellular dermal matrix เป็นวัสดุทางการแพทย์ที่มีโครงสร้างและคุณสมบัติเหมาะสมในการใช้ทดแทนหรือตกแต่งเนื้อเยื่อของร่างกาย มีโครงสร้างเป็นร่างแห และประกอบด้วยคอลลาเจนเป็นหลักจึงสมานกับเนื้อเยื่อของร่างกายได้ดี ลดการเกิดผังผืด การเกิดคีรอย และแผลเป็นชนิดดึงรั้งได้ ในการเสริมจมูก เนื้อเยื่อเทียมสามารถใช้ทดแทนได้ทั้งบริเวณสัน และปลายจมูก
ใครที่จะได้รับประโยชน์ จากการใส่เนื้อเยื่อเทียมรองปลาย
- ท่านที่เคยเสริมมาแล้ว ปลายเดิมบางใส ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุจากผิวหนังบางลงเมื่ออายุมากขึ้น หรือซิลิโคนหนาหรือใหญ่แล้วมีอาการปลายบาง ก็สามารถใช้เนื้อเยื่อเทียมเพิ่มความหนาให้กับผิวหนัง และทำให้ปลายดูสวยละมุนขึ้น
- ท่านที่ต้องการความโด่ง หรือปลายพุ่ง แต่เนื้อน้อย ปลายจมูกสั้น สามารถใช้เพื่อเพิ่มความหนาของผิวหนัง ให้ทรงจมูกเป็นทรงปลายพุ่งสวยงาม
- ท่านที่ต้องการป้องกันการทะลุในอนาคต เนื้อเยื่อเทียมจะช่วยเพิ่มความหนาให้ปลายจมูกป้องกันการทะลุ สามารถใช้ทดแทนกระดูกอ่อนหลังใบหูได้ โดยมีประสิทธิภาพเทียบเท่าและปลอดภัยไม่ต้องกังวลเรื่องแพ้
- ท่านที่เคยถอดซิลิโคนพักเนื้อแล้วปลายบุ๋ม ซึ่งเกิดจากการตึงรั้งของผังผืด สามารถใช้เนื้อเยื่อเทียมเข้าไปแทนที่ผิวที่บางลงลดการเกิดผังผืดได้
ทั้งนี้เนื้อเยื่อเทียมเมื่อเข้าที่ดีแล้ว ความหนาจะไม่ลดลงตามอายุ จึงทำให้เนื้อปลายจมูกหนากว่าการเสริมจมูกปกติ ไม่บางใส